วาทกรรมเรื่องความสุข
เย้! เย้!! สุดท้าย ความพยายาม ก้อค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ชีวิตฉันค่อยกลับเข้าสู่ชีวิตปกติหน่อย หลังจากเป็นคนเหม่อลอย มาตลอดสัปดาห์ จนมีเรื่องโก๊ะ โก๊ะ ให้ ขำๆ เริ่มต้นจากการยืนใจลอยในห้องสมุด จนบรรณารักษ์ต้องตะโกน ถามเป็นรอบที่สามว่า "ทำอะไรคะ" จึงดึงวิญญาณกลับคืนร่าง แล้วตอบไปว่า "ยือ ยืม หนังสือ คะ" ตามมาด้วย การแซว ว่า "เล่นมิวสิคหรือ มี่"และตบท้ายด้วย การฟังปล่อยในสมาชิกในครอบครัว พูดคนเดียว จนน้อง และแม่ เริ่มน้อยใจ ว่า เป็นไร ไม่ให้ความสนใจ รวมทั้ง เกือบตกบันได ชั้นสาม หน้าห้อง MA อีก (เพราะใส่รองเท้า คู่ใหญ่จัด เลยเหยียบเท้าตัวเองซะงั้น ดีนะ มีการเรียนรู้การทรงตัวที่ดี ไม่งั้นละ หมดสวยเลยงานนี้) เห๋ย...
คือ เรื่องมันเกิดจาก วิทยานิพนธ์ สุดเลิฟ เนี้ยละนะ ภายหลังจากการกลับไปเยี่ยม พี่ๆ เพื่อนๆ มา แล้ว ได้คุยกับพี่คนหนึ่ง ซึ่งเราเรียกการสนทนาครั้งนั้นว่า วาทกรรมแห่งความสุข (อิอิ อาจเข้าใจผิดนะ ไม่ได้หมายความว่า คุยกับ sb แล้ว Hap นะ) เค้าได้ให้ข้อคิดเห็น ภายหลังจากการพยายามอธิบายให้เค้าฟังว่า สิ่งที่เรียกว่า experienced utility ที่เราใช้เป็นหลักนั้น มันเป็น พัฒนาการของ Neo-classic หรือเปล่า ประเด็นมันไม่ใช่ว่า เป็นแล้วดีหรือไม่ดีนะ
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราอยากได้กรอบที่มีกลิ่นไอของวัฒนธรรมตะวันออก ในตัวของมันเอง เลยคิดว่า อืม ถ้าเป็นยังงี้แล้ว กรอบที่ถูกพัฒนาจากแนวคิดตะวันตก เนี้ยจะมีผลต่อมุมมองความสุขของคนตะวันออกไหม เพราะรากฐานความคิดมันแตกต่างกัน (คือ คิดไกลไปโน่น) แต่ก้อดีนะ เพราะจากความกังวลเนี้ย เราเลยพยายามหางานไทยๆ หรือแนวคิดตะวันออกต่างๆ ว่า มันต่างกันยังไง ในรากฐานคิด จนมึนหัวไปหมด
แล้วก้อต้องจบด้วยการ หาใครสักคนที่แบบว่า ใช่เลย เหยื่อละ มาคุยเรื่องนี้ กับฉันหน่อย ฉันจะเล่าให้ฟัง แสดงความคิดเห็นนิดดิ แล้วก้อไม่พ้น เพื่อนสุดเลิฟ อีกเช่นกัน ที่เวร ตา ระ กรรม ตกแก่มัน ต้องตื่นมารับโทรศัพท์ ตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วถูกขอร้อง แกมบังคับ ให้สนทนา วาทกรรมเรื่องความสุข ต่อ อีกสักชั่วโมง ก่อนปล่อยมันไปนอน ซึ่งมันก้อดี ยังไม่ง่วง แต่ง้วงเงี้ย แบบสุดๆ จนหลังๆ เริ่มคุยไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้าย ก้อได้จุดดุลยภาพ ของทั้งกรอบตะวันตก และกลิ่นไอตะวันออก อิอิ
แต่อย่างไรก้อตาม ก้อยังไม่รู้นะว่า มันจะหมู่ หรือ จา หรือว่า ศาลาวัด กันแน่ แต่ที่รู้แน่ๆ ต้องให้เสด็จพ่อ ตรวจ proof เสียก่อน แล้วต้องขาย idea ให้พระสหายของท่านฯ ยอมรับให้ได้ ข้าน้อยจึงจะมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป อิอิ
p.s. This is Daniel Kahneman who created "experienced utility" and got 2002th Noble-prize.
No comments:
Post a Comment