Saturday, April 28, 2007

เจตนา กับการกระทำ

หลังจากนั่งปั่นวิทยานิพนธ์อย่างเมามัน มาตลอดหลายเดือน แล้ววันนี้ก้อยังเจอปัญหา run ไม่ sig อีก แม้จะใช้แค่ 3 ตัวแปร โดยตัวแปรสุดท้ายมี 3 dummy ปรากฎ sig เพียงแค่ dummy เดียว อ๋าว เอากันเข้าไป เต็มที่เลย เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ แล้วจะจบกันไหมเนี้ย แต่ก้อยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ (หุหุ) แม้จะรู้ว่า ปัญหาคือการกระจุกตัวของข้อมูลที่คนตอบบอกว่า พึงพอใจในชีวิตตัวเองมาก ถึงมากที่สุด ประมาณ 70% ซึ่งเราก็ทำอะไรกะมันไม่ค่อยได้เท่าไร เพราะปัญหาอยู่ที่ข้อมูล แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ เสียดายอะ เสียดาย เสียดายที่อุตส่าห์นั่งถอดทฤษฎีเป็นแรมเดือนแรมปี กว่าจะได้มันมา แต่ดันมีปัญหาที่ข้อมูลอีก อยากพิสูจน์สิ่งที่พยายามทำงานมาอะ อยากมากๆ แล้วจะทำยังไงดีละเนี้ย observations ก้อน้อย ตัด gray zone ออก เหลือ 348 เอง เส้าจิงๆ
.
...เฮ๋ย... อะอะ บ่นพอละ บ่นพอละ
.
ที่อยากจะเล่าก้อคือ หลังจากแอบงอนอาจารย์s ไปสักพัก วันนี้เอง อาจารย์s ทำให้เรามีกำลังใจมากที่จะทำงานต่อ (สู้ๆๆๆ) แม้ว่าในช่วงแรก จะโดนอาจารย์ดุด่าเป็นระยะๆ แล้วแต่ละคนก้อค่อนข้างเขี้ยวมากๆ ไม่บอกเราตรงๆ ต้องไปคิดเอง แล้วเอามาส่ง แล้วก้อไม่พอใจกันสักที (เฮ๋ย...เหนื่อยจัง) แต่เราพบว่า ทุกครั้งที่โทรไปนัดแก แกไม่เคยปฏิเสธเราเลย ok ตลอด จนล่าสุด เราก้อตั้งใจว่า ยังไงนะ จะ run ผลทั้งหมดทุกวิธีการ สลับตัวแปรเข้าออกๆ (จนได้ประมาณ 50-60 results) มาส่งแกวันศุกร์ แต่เราก็ไม่ได้โทรไปบอกแกล่วงหน้า เราโทรไปหาแกเช้าวันศุกร์เลย (ทำถูกไหมเนี้ย แต่เพราะกลัวทำไม่เสร็จแล้วนัด แล้วไม่มีงานไม่ส่งเนี้ย จะโดนๆๆ อีก)
.
รอบแรก เจ็ดโมงครึ่ง (หลังจากสะดุ้งตื่น เพราะกลัวหลับยาว เนื่องจากเพิ่งนอนตอนเกือบหกโมงเช้า) แกไม่รับ
เอาใหม่ แปดโมงเช้า...แกยังไม่รับ (เอาละงานนี้ ไม่ต้องนอนละ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ถ้าวันนี้ นัดไม่ได้ ตรูตายแน่ วันสวด วันที่ 8 บ่ายโมงแล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองอาทิตย์ งานเหลืออีกสองบทครึ่ง ตายๆๆ)
โทรใหม่ แปดโมงครึ่ง ตื้ด ตื้ด....ตื้ด แกยังไม่รับ (ทำไงดีอะงานนี้ เตรียมตัวเลย ไปมหาลัยด่วน แต่งตัวรอ โทรติดนะ ออกเลย เพิ่งแกว่างสักสิบห้านาที จะได้ไปทัน)
.
ระหว่างนั้น มีสายเข้า ตอนแปดโมงห้าสิบ...ไม่ได้รับ เพราะเปิดสั่น พอเห็นเท่านั้นละ ตายๆๆๆ ฉันทำอะไรเนี้ย ไม่ได้รับสาย อาจารย์โทรกลับ แล้ววันนี้จะได้คุยกันไหมเนี้ย ตายๆ (พอแม่รู้ โดนๆๆๆ เพราะเรื่องเปิดโทรศัพท์สั่น แล้วไม่รับ โดนมาหลายรอบแล้ว งานนี้ เลยสวดกันซะ ยาวเชียว)
.
รีบเลย รีบ โทรกลับ ด่วนๆๆ ...ตื้ด ตื้ด ตื้ด ตื้ด
อาจารย์: สวัสดีครับ... (โอ๋เสียงสวรรค์ คิดว่าจะไม่ได้คุยซะแล้ว)
mee: สวัสดีคะอาจารย์ วันนี้อาจารย์เข้ามหาลัยไหมคะ (ตุ๊บๆๆ)
อาจารย์: อืม เข้าคับเข้า ตอนบ่ายๆ
mee: ok คะ ยังงี้หนูขอเอางานไปให้อาจารย์ดูนะคะ
อาจารย์: คับๆ
(...ตุ๊ด ตุ๊ด...)
.
เอาละไปมหาลัยเดี๋ยวนี้เลย
mee:สวัสดีคะ มาพบอาจารย์คะ
officer: วันนี้อาจารย์ไม่เข้านะ เพราะอาจารย์มีประชุมต่างจังหวัด เพิ่งไปเมื่อวานตอนเย็นๆ เอง
mee: อ๋าว แต่โทรคุยกะอาจารย์เมื่อเช้านี้เองนะคะ
officer: อ๋าวหรือ ยังงั้น เดี๋ยวอาจารย์คงมามั่งคับ เดี๋ยวลองมาดูใหม่นะ
.
ตอนแรกคิดว่า อาจารย์น่าจะมาสักสี่ห้าโมงเย็น ชัวร์ ปรากฎไม่ใช่ อาจารย์มาตั้งแต่บ่ายสองกว่าๆ
โห๋ เราเนี้ย อึ้งไปเลย ซึ้งมากๆ แม้จะโดนอาจารย์ดุบ้าง แต่สิ่งที่อาจารย์ทำ มันให้คุณค่ามากกว่าคำพูดเยอะเลย มันได้ใจมากๆ เลย จิงๆ ปกติเวลานัดให้อาจารย์มาดูงานให้เนี้ย อาจารย์เองมีประชุมทั้งเช้าและบ่ายเสมอๆ แต่ก้อยังอุตส่าห์ขับรถเข้ามหาลัยมาดูให้ตอนเที่ยงๆ แค่นี้ ก้อซึ้งแล้ว (จิงๆ เขาอาจจะมีงานอื่นๆ ด้วย แต่ไม่ว่า อะไร แค่นี้ ก้อได้ใจมากๆ เลย)
.
เรื่องนี้ มันทำให้นึกถึงเรื่องที่เพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่า เพื่อนบอกเขามาว่า คนเราอะสนใจแค่เจตนา กับการกระทำก็พอ ไม่ต้องสนใจคำพูดอะไรมากมายนักหรอก เพราะคนบางคน พูดดี พูดเพราะ พูดให้เข้าหูคนอื่นไม่เป็น เราอาจจะไม่ชอบสิ่งที่เขาพูด แต่จิงๆ ถ้าเราดูสิ่งที่เขาทำเนี้ย มันมีค่ามากกว่าเสียอีก ขณะที่เราอาจจะชอบคนที่พูดดีๆ พูดเข้าหู พูดเพราะๆ แต่เจตนา กับการกระทำละ
.
ยังไง ก็ขอบคุณอาจารย์s ทุกคนมากๆ ที่ช่วงนี้ ใส่ใจดูแลม๊ากมาก และพยายามอยากให้จบ ภายใต้งานคุณภาพ (ตามมาตรฐานอาจารย์...โครต เหนื่อยเลย)
แต่ก้อสู้คะ ยังสู้อยู่ ขอบอก แล้วก้อทำใจไว้แล้วว่า วันสวด ที่จะต้องโดนสวดวันที่ 8 ตอนบ่ายโมงเนี้ย คงโดนไม่น้อยกว่า 200 คำถาม (comments-ด่า) ซึ่งถ้าน้อยกว่านั้น ก้อกำไรละ กำไร... สิ่งที่ตอนนี้ ต้องทำ ไม่เพียงแต่เขียนงานให้เสร็จ แล้วเตรียม present ทั้งภาษา (ที่ไม่ได้พูดนาน ก้อสำเนียงออกจะแปล๋งๆ) และเนื้อหา presentation อีกสิ่งที่ต้องหัดเตรียมไว้ด้วย (มีคนแนะนำมา) ก็คือ ...ไหว้... ไหว้คะ ไหว้สวยๆ นะคะ ไว้ขอโทษเวลาตอบคำถามไม่ได้ หรือเนื้อหาผิด หรือโดนๆๆ อะไรแบบนี้ ใครจะเก็บเอาไปใช้ ก็ไม่ห่วงห้ามนะ เตรียมไว้ๆ
.
เอาละวันนี้เล่าแค่นี้ละ ไว้มีอะไรใหม่ๆ หลังวันสวด แล้วจะมาเล่าต่อนะ อืม เกือบลืม ตอนนี้ ยังไม่รู้นะว่า สวด ศาลาไหน แต่ที่แน่ๆ ที่คณะชัวร์ ใครว่างๆ ไปนั่งฟังสวดเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ จะได้รู้ว่า ไหว้สวยๆ ที่พยายามหัดอยู่เนี้ย มันจะสวยได้ใจขนาดไหน (อิอิ)

Sunday, April 01, 2007

Never Ever Give Up

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.
.
ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า"สมองช้าไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ"อัลเบิร์ตไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู
.
ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ"นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์"ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
.

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ชายกลุ่มหนึ่งเป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผู้บริหารคนหนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ต้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า"เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขาและกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า"เดอะบีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่งตำนาน
.
ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ"ไมเคิลจอร์แดน"หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก
.
ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้46 ปี
ชายคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคนนั้น...ชื่อ"ลุดวิกฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก
.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.
.
ชายคนหนึ่งสอบตกประถม6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุแล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ62 ปี
ชายคนนั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
.
ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"
.
ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า"แกมันไปไม่ถึงไหนเลยแกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ"เอลวิสเพรสลีย์"
. .
หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า"เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯหรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์หรือที่รู้จักกันในนาม"มาริลีนมอนโร" นั่นเอง
.
. .
.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษาชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า44,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคนนั้น...ชื่อ "วอเรนบัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
.
ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า"สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดีชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า"แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยมเฮนรี่ เกตส์ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม"บิลล์เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ
..


.
.
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
..
..
.
.
.
.
.
.
เชื่อว่าทุกคนเคยแพ้
.
เชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว
.
แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว
.
"คนล้มเหลว" คือ...คนที่ล้มเลิก...ต่างหาก
.